ไม้จิ้มฟันเป็นที่นิยมมากในการทำความสะอาดบริเวณซอกฟันของเศษอาหาร แต่เบื้องหลังประโยชน์เหล่านี้ การใช้ไม้จิ้มฟันก็มีความเสี่ยงต่อสุขภาพของฟันและเหงือกด้วยเช่นกัน คุณรู้. เรามาดูคำอธิบายแบบเต็มเกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงของไม้จิ้มฟันกัน
อาหารที่เหลือระหว่างฟันต้องถูกกำจัดออกก่อนที่มันจะแข็งตัวและกลายเป็นคราบพลัคในที่สุด วิธีกำจัดเศษอาหารนี้ไม่จำเป็นต้องแปรงฟันเสมอไป คุณยังสามารถใช้ไม้จิ้มฟันได้อย่างถูกวิธี
ประโยชน์ของไม้จิ้มฟันกับความเสี่ยงที่มากับมัน
ไม้จิ้มฟันมักจะทำจากไม้หรือพลาสติกและมีขอบคม 1 หรือ 2 อันสำหรับสอดระหว่างฟัน ไม้จิ้มฟันสามารถช่วยขจัดเศษอาหารระหว่างฟันหลังรับประทานอาหารได้ นอกจากนี้ ไม้จิ้มฟันยังช่วยป้องกันการสะสมของแบคทีเรียอีกด้วย
แต่เบื้องหลังประโยชน์ที่ได้รับคือการใช้ไม้จิ้มฟันที่มักส่งผลเสียต่อสุขภาพฟันและเหงือกของคุณ ความเสี่ยงของการใช้ไม้จิ้มฟัน ได้แก่:
ทริกเกอร์ kเหงือกเสียหาย
การใช้ไม้จิ้มฟันบ่อยเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงที่เหงือกจะถูกทำลายและเลือดออกตามไรฟันได้ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่เหงือก ควรใช้ไม้จิ้มฟันอย่างระมัดระวังและเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวล
ยืดช่องว่างระหว่างฟัน
ใช้ไม้จิ้มฟันอย่างถูกวิธีในมุมที่เหมาะสม ควรเลื่อนไม้จิ้มฟันจากด้านในออกช้าๆ ที่มุม 45 องศา มักใช้ไม้จิ้มฟันตั้งฉากกับฟัน นี้สามารถยืดช่องว่างระหว่างฟัน
วิธีทำความสะอาดฟันที่ถูกต้อง
วิธีทำความสะอาดฟันอย่างถูกต้องมีดังนี้
1.แปรงฟันเป็นประจำ
การแปรงฟันเป็นกิจวัตรที่ต้องทำทุกวันเพื่อรักษาสุขอนามัยและสุขภาพฟัน แนะนำให้ทุกคนแปรงฟันวันละ 2 ครั้งภายใน 2 นาที เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
2. ใช้ไม้จิ้มฟันหรือไหมขัดฟัน
การใช้ไม้จิ้มฟันหลังรับประทานอาหารก็ถือว่าเพียงพอแล้วที่จะขจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ระหว่างฟัน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตสุขภาพพิจารณาว่าการใช้ไหมขัดฟันถือว่าดีกว่าไม้จิ้มฟัน
เนื่องจากการใช้ไหมขัดฟันมีประสิทธิภาพมากกว่าและมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายเหงือกน้อยกว่าอุปกรณ์ช่วยทำความสะอาดฟันและช่องปากอื่นๆ
3. ใช้น้ำยาบ้วนปาก
หลายคนคิดว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากช่วยทำให้ลมหายใจสดชื่นเท่านั้น อันที่จริง การใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของน้ำยาฆ่าเชื้อนั้นมีประโยชน์ในการต่อสู้กับแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นปากและฟันผุ
การใช้ไม้จิ้มฟันสามารถขจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ออกได้ตราบเท่าที่คุณใช้อย่างถูกต้องและปลอดภัย จำไว้ว่าคุณต้องแปรงฟันเป็นประจำเพื่อรักษาสุขภาพฟันและเหงือกให้แข็งแรง นอกจากนี้ อย่าลืมตรวจฟันกับทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยทุก 6 เดือน