นอกจากสะดือที่ดูโดดเด่นแล้ว ส่วนหนึ่งสตรีมีครรภ์ (สตรีมีครรภ์) อาจมีอาการเจ็บสะดือ โดยทั่วไป อาการปวดสะดือระหว่างตั้งครรภ์นั้นไม่เป็นอันตราย แต่แน่นอนว่าสามารถรบกวนความสบายของสตรีมีครรภ์ได้
อาการปวดสะดือเป็นเรื่องปกติและสตรีมีครรภ์สามารถพบเห็นได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของการตั้งครรภ์ โดยทั่วไป อาการเจ็บสะดือจะหายไปเองหลังจากตั้งครรภ์หรือหกสัปดาห์หลังคลอด
สาเหตุของอาการปวดสะดือระหว่างตั้งครรภ์
อาการปวดสะดือระหว่างตั้งครรภ์อาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้:
1. แรงกดดันต่อมดลูก
สาเหตุหลักของอาการปวดท้องคือเพิ่มความดันมดลูก สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการเพิ่มขนาดของทารกในครรภ์และขนาดของมดลูก
2. การยืดเหยียดผิวหนังและกล้ามเนื้อ
เมื่ออายุครรภ์เพิ่มขึ้น ผิวหนังและกล้ามเนื้อหน้าท้องของสตรีมีครรภ์จะยืดออกมากขึ้น ผิวหนังที่ยืดออกอาจทำให้สะดือของสตรีมีครรภ์เจ็บปวดและคันได้
3. เจาะสะดือ
การเจาะสะดืออาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สะดือเจ็บและระคายเคืองได้ง่าย ดังนั้น หากสตรีมีครรภ์มีการเจาะที่สะดือ ควรถอดส่วนที่เจาะออกและไม่ใส่ในระหว่างตั้งครรภ์.
4. ไส้เลื่อนสะดือ
อาการปวดสะดือระหว่างตั้งครรภ์อาจเกิดจากไส้เลื่อนสะดือ ไส้เลื่อนสะดือมีลักษณะนูนหรือบวมรอบสะดือ ความเสี่ยงของการเกิดไส้เลื่อนสะดือจะเพิ่มขึ้นหากหญิงตั้งครรภ์ยังเป็นโรคอ้วน
บรรเทาอาการไม่สบายในสะดือของหญิงตั้งครรภ์
เมื่อสตรีมีครรภ์เริ่มรู้สึกเจ็บและไม่สบายในสะดือ วิธีการบางอย่างที่บรรเทาได้มีดังนี้
- หมั่นทำความสะอาดสะดือเพื่อป้องกันการระคายเคืองและความเจ็บปวด
- การทาโลชั่นที่ปลอดภัยสำหรับสตรีมีครรภ์ เช่น โลชั่นที่ทำจาก เนยโกโก้.
- นอนตะแคงและหนุนท้องด้วยหมอนหนุนท้อง
- สวมเสื้อผ้าหลวมและกางเกงเฉพาะสำหรับสตรีมีครรภ์
- การคาดเข็มขัดแบบพิเศษสำหรับสตรีมีครรภ์เพื่อพยุงท้อง
เมื่อประสบกับความเจ็บปวดในสะดือ เงื่อนไขบางประการข้างต้นอาจเป็นสาเหตุได้ แม้ว่าอาการปวดสะดือของสตรีมีครรภ์จะเป็นเรื่องปกติ แต่สตรีมีครรภ์ควรรีบปรึกษาแพทย์ทางนรีแพทย์ทันที หากอาการปวดในสะดือไม่หายไปเป็นเวลานานหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เป็นตะคริว มีไข้ อาเจียน และมีเลือดออก